“เรื่องผีผมไม่เคยกลัว...เห็นมาตั้งแต่เด็ก” นายกฯ ชวน กล่าวตอนหนึ่ง เมื่อถูกสื่อมวลชนถามว่าจะกล้าเข้าไปอยู่ในบ้านพิษณุโลกหรือไม่?และกล่าว ต่อว่า...“ผมไม่เคยคิดที่จะซื้อบ้านที่กรุงเทพฯ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาผม ต้องการกลับไปอยู่บ้านที่ลังหวัดตรัง”นายชวนกล่าวถึงเรื่องบ้านของตนเองซึ่งใครๆ ก็รู้ดีว่านายชวนเช่า บ้านเพื่อนอยู่มากว่า 20 ปี ความเป็นสามัญของนายชวน มันเทียบไม่ได้กับ บ้านพิษณุโลก แต่วันนี้ในฐานะผู้นำประเทศ ที่ท่านจะต้องเข้าไปอยู่ ณ บ้าน หลังนั้น แต่เหตุผลที่ซื้แ'จง ถึงสาเหตุที่ไม่เข้าไปอยู่ เพราะไม่ได้กลัวผี หรือ แพยางโดนัสพีวีซี กิตติศัพท์รื่าลืออันใด แต่เพราะว่า “เปลือง ค่าใช้จ่าย ...ผมเลียดายเงิน และ ไม่มืความจำเป็นอีกต่อไป” ข้าราชการในทำเนียบรัฐบาล รายหนึ่งเล่าว่า “นายชวนย้ายเข้าไปพัก ที่บ้านพิษณุโลก เห็นท่านเปรยๆ กับคนใกล้ชิดไว้ แต่ก็ไม่ต้องการให้เป็นเรื่อง ราวใหญ่โต เช่นไม่ต้องดูดวง เสริมฮวงจุ้ย ขณะเดียวกันก็ไดให้บริษัทรับเหมา รายหนึ่งเข้าไปตบแต่งพวกพื้น ผนัง ที่ทรุดโทรมให้มีสภาพที่ดีขึ้น แต่พอเอา เข้าจริง ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ตามที่วางแผนไว้สื่อมวลชน ได้เดินทางไปสอบถามคนเฝ่าบ้านพิษณุโลก คนเฝืาบ้าน ตอบว่า “ก็กลัวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เห็นมีอะไร เห็นพูดๆ กัน ผมก็ไม่กล้าลอง เหมือนกัน” อยู่ที่นึ่มานานแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร นี่คือความรู้สึกของคนเฝ่า บ้าน แต่เมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณบ้านแล้ว บรรยากาศที่ยิงใหญ่ น่าเกรงขาม องค์นารายณ์บรรทมสินธุ ยังคงบรรทมอย่างสง่างาม เหมือนกับ รอคอยใครลักคนให้มาเยือน
แม้หลายคนวิเคราะห์ว่าบ้านหลังใหญ่อย่าง “บ้านพิษณุโลก” มี หลายคนอยากจะเข้าไปอยู่ เพราะบ่งบอกถึงความโก้หรูภูมิฐานมีเกียรติยศ ในลังคม จะมีชีวิตที่สะดวกสบาย แต่ในทางกลับกันแล้วบ้านพิษณุโลก ราคาแพยางโดนัส มิใช่ บ้านอยู่อาลัยแบบปุถุชนทั่วไป แต่หากเป็นบ้านแห่งอำนาจที,ใครก็ตามที่ ปรารถนาเดินเข้าสู่บ้านหลังนี้ มักจะถูกอาถรรพ์เร้นลับที่ลัมผัสไม่ได้เล่นงาน ทุกครั้งทุกคราไป แต่ก็น่าจะพิสูจ'น์ให้เห็นว่าหากผู้นำมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็น ผู้'นำที่ดีของบ้านเมือง ซื่อสัต!โสุจริต บ้านหลังนี้ก็น่าจะต้อนรับ และช่วยฟันฝ่า อุปสรรคทางการเมืองไปได้โดยมีบันทึกตอนหนึ่งระบุว่า พระนารายณ์บรรทมสินธุ ที่ พระยาอนิ-รทธเทวาและคุณหญิงเฉลา ภริยา ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 เป็น ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล และประจำบ้าน ตามชื่อคือ “บ้านบรรทม สินธุ” นั้นอาถรรพ บ้านพิษณุโลกบ้านพิษญโลก ยังกลายเป็นที่สนใจของบรรดาสื่อสารมวลชน และผู้คนในแวดวง บันเทิงอีกด้วย โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย ที่สร้างขื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็น ตำนานแล้ว นั่นก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง “บ้านทรายทอง”ความเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรม ที่เก่าแก่งดงามตระการตา หาที่ได้เปรียบมิได้ ของบ้านพิษณุโลก แม้ว่าจะใช้เป็นสถานที่รับรอง แขกบ้านแขกเมืองแล้ว ใช้งานทางการเมือง บ้านพักประจำตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีของไทย เป็นสถานที่เรียนรู้เรื่องราวทางประว้ติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นสถานที่เรียนรู้งานด้านมัณฑนากรงานด้านสถาปัตยกรรม ของมักศึกษาและ ประซาซนทั้วไปแล้วบ้านพิษณุโลก ยังกลายเป็น ที่สนใจของบรรดาสื่อสารมวลซน และ ผู้คนในแวดวงบันเทิงอีกด้วย โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดัง จนกลายเป็นตำนานแล้ว นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง “บ้านทรายทอง”โดยคุณรุจน์ รณภพ อดีตผู้กำกับชื่อดังได้ขอใช้บ้านพิษณุโลกแห่งนี้ เป็นฉากเรื่องบ้านทรายทอง นำแสดงโดยพระเอกชื่อดัง พอเจตน์ แก่นเพชร แสดงเป็นชายกลาง และจารุณีสุขสวัสด เป็นพจมาน สว่างวงศ์ ภาพยนตร์ เรื่องนี้ถือว่าประสบความสำ อุปกรณ์เล่นน้ำแพยาง เร็จอย่างยิ่งยวดในยุคสมัยนั้นฉากต่างๆ ที่อลังการทุกซอกทุกมุมของบ้านพิษณุโลก ถูกเผยแพร่ ออกไป ส่งผลให้บ้านพิษณุโลกถูกกล่าวขวัญถึงและเป็นที่รู้จักของสาธารณะ ชนมากขึ้นกว่าเดิม แม้ปัจจุบันภาพลักษณ์ของความเป็นบ้านทรายทอง ก็ ยังคงอยู่คู่กับ “บ้านพิษณุโลก” ที่เปรียบกับนักการเมืองที่ไม่ต่างอะไรกับ พจมาน นางเอกที่เข้ามาอยู่ยังบ้านทรายทองนั่นคือ! ผู้ที่เป็นนายกรฐมนตรี คนแล้วคนเล่าหลังรับตำแหน่ง แล้ว จะต้องย่างก้าวเข้ามาพักพิงยังเคหะสถานแห่งนี้ แต่บางคน อยู่ไต้นาน บางคนอยู่ไต้แค่ประเดี๋ยวประตำว ก็ต้องเดินออกไปจาก บ้านหลังนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาทางการเมือง ปัญหาผีดุ หรือ แม้กระนั่งอาถรรพ์
แพยางโดนัส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น